วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2560

SF. กำแพง...(suga x monster)




SF. กำแพง...(suga x monster)





กร๊อบ! กร๊อบ!


เสียงหักกระดูกนิ้วมือดังลั่นไปทั่วห้องสตูร่างสูงที่เหนื่อยล้าจากการนั่งทำเพลงทั้งวันก็ทิ้งตัวเอนพิงเก้าอี้ในห้องอย่างหมดแรง วันนี้เขารู้สึกเหนื่อยจัง อยากได้กำลังใจเหมือนเมื่อก่อนจังเลยน้าา~


"จะทำอะไรอยู่นะตอนนี้หน่ะ"


ร่างสูงหมุนเก้าอี้ไปมาพร้อมทั้งเคาะปากกาไปด้วยก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลา ตี 3 เศษๆแล้วจึงตัดสิ้นใจลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องสตูของตัวเองไปแต่ก็ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวขาพ้นไปไหนสายตาคมๆคู่นั้นก็เหลือบไปมองยังสตูข้างๆที่ประตูยังคงปิดสนิทอยู่และก็ไม่รู้ด้วยว่าข้างในมีคนอยู่หรือเปล่า


"จะกลับไปนอนรึยังน้ายุนกิ"



คิมนัมจุนพูดกับตัวเองลอยๆด่อนที่สองข้าจะก้าวไปยังห้องสตูข้างๆ ห้องที่ข้างในมีคนสำคัญของเขาอยู่แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างที่มันทำให้คิมนัมจุนคนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะเคาะประตูห้องนี้ทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาเคยเดินเข้าเดินออกบ่อยจะตายไป


"เรื่องระหว่างเรามันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะยุนกิ"


เสียงแผ่วเบาของคนตัวโตที่รำพึงรำพันอยู่หน้าประตูทำให้สองขาเล็กๆที่กำลังจะก้าวออกไปจากห้องสตูถึงกับหยุดชะงักทันที ไม่รู้ว่านัมจุนมายืนอยู่ตรงหน้าประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ มาตั้งแต่ตอนไหน แต่ที่แน่นๆเขาไม่กล้าที่จะเอื้อมมือออกไปบิดกลอนประตูแน่ๆ


"เฮ้อออ อยากกอดจัง"


อะ...ไอ้บ้านัมจุนมาพูดเรื่องแบบนี้อยู่ตรงประตูห้องชาวบ้านเนี่ยนะ แต่อย่าว่าแต่นายเลยฉันเองก็อยากกอดนายเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เราสิงคนเริ่มมีกำแพงมาคั่นระหว่างเรามันเหมือนยิ่งเรารู้ความจริงเราก็ยิ่งกลัวมันจนท้ายที่สุดต่างฝ่ายต่างก็เริ่มสร้างกำแพงของใครของมันขึ้นมาเพื่อปิดกันความรู้สึกบางอย่างเอาไว้


"ฉันก็อยากกอดนายนัมจุน"


เสียงแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบของคนตัวเล็กไม่อาจส่งไปถึงคนตัวสูงที่อยู่อีกฝากนึงของสตูได้เลย บางทีถ้าจะหาคนผิดของเรื่องนี้มันอาจจะเป็นเขาก็ได้เป็นมินยุนกิคนนี้แหละ เพราะเขาเลือกที่จะก้าวถอยหลังออกมาจากนัมจุนเพราะกลัว...


กลัวว่าถ้าความรู้สึกของเราสองคนรั่วไหลออกไปมันจะมีกระแส่ต่อต้านมากมายที่ประดังประเดเข้ามาเขาไม่อยากให้คนตัวโตต้องเครียดและก็ไม่อยากต้องมานั่งอึดอัด ทรมาน กับสายตาที่จ้องมองมาเหมือนว่าเขาเป็นตัวประหลาดด้วย เขาเองก็กลัวววว 


เมื่อก้าวไปต่อไม่ได้คนตัวเล็กก็ตัดสินใจทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นพิงกำแพงห้องสตูของตัวเองเพื่อทบทวนสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขาโดยเฉพาะเรื่องของคิมนัมจุน ส่วนอีกฝากนึงของประตูร่างสูงที่ยืนทำใจอยู่นานว่าจะเคาะดีกรือไม่เคาะดีจนในที่สุดก็ตัดสินใจไม่เคาะและเลือกที่จะเดินออกมานั่งมองท้องฟ้าอยู่ตรงระเบียงแทน


"ถ้าผมเป็นพระจันทร์แล้วยุนกิเป็นดาวก็คงจะดีนะ...ไม่อยากห่างกันแบบนี้เลย..."


คนตัวโตนั่งเหม่อท้องฟ้าในยามดึกอย่างเหม่อลอยแหงนหน้ามองพระจันทร์กับดวงดาวอย่างอิจฉาโดยที่ไม่รู้เลยว่าด้านหลังประตูกระจกของระเบียงมีคนตัวเล็กยืนอยู่แถมเงาของมินยุนกินั้นก็โดนแสงจากพระจันทร์ส่องกระทบมาจนเงานั้นพาดไปกับร่างของคิมนัมจุนที่นั่งมองท้องฟ้าอยู่อย่างพอดิบพอดี


"ผมทรมานนะ"


ไม่รู้ว่ากำแพงของเราสองคนมันสูงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมเองที่ไม่ชัดเจนพอเลยทำให้ยุนกิต้องสร้างกำแพงกับผมสูงซะขนาดนั้น แต่ผมก็กลัวนะ กลัวว่าถ้าวันไหนวันนึงผมชัดเจนกับเรื่องของเราขึ้นมากลัวว่าคนตัวเล็กจะรับสิ่งที่จะตามมาไม่ไหว กลัวว่าคนๆนั้นจะกลับไปกลัวสังคมอีก ผมไม่อยากเห็นทุกคนหันหลังให้เขาอีกแล้วเพราะถ้ายุนกิต้องเสียใจเพราะการกระทำของผม ผมก็ขอมองดูคนตัวเล็กอยู่ห่างๆก็พอ....


#SRMWall


เพลง 네시 (4 O'clock) มันหลอนอยู่ในหูมากๆว่าจะไม่อต่งของนัมกิพาทโศกๆแล้วนะแต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับเพลงนี้จนได้ โศกแต่ไม่สุดไม่มากเท่าที่ควรเอาแค่พอได้บรรยากาศ ㅠㅠ

Sf. ไม่มี SUGA X MONSTER










Sf. ไม่มี SUGA X MONSTER



 

จะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี...


ภายในร้านกาแฟแห่งหนึ่งร่างสูงโปรงดูภูมิฐานกำลังนั่งจิบกาแฟดำเข้มอย่างอเมริกาโน่อยู่ในมุมอัพซักมุมของที่ร้าน กาแฟดำแก้วโปรดของคนตัวเล็กที่ไม่ว่าจะไปร้านไหนก็มักจะสั่งประจำสั่งจนเขาจำได้และอยากจะลองชิมมันซักครั้งวันนี้เขาเลยตั้งใจสั่งมันบ้างแต่พอได้ลองดื่มลงไปแล้วอึกหนึ่งก็ค้นพบว่ามันไม่ใช่ทางของเขาเลยซักนิด กาแฟแก้วนี้มันขมปี๋ขมเกินไปสำหรับเขา ผู้ชายที่ชอบของหวานอย่างเขากินอะไรแบบนี้ไม่ได้จริงๆ


ขมฉิบ กินไปได้ไงวะเนี่ย


กาแฟแก้วโปรดของคนตัวเล็กที่เขาดื่มไปได้แค่อึกหนึ่งก็ถูกวางไว้บนโต๊ะคืนที่เดิม ทั้งความเย็นและความขมของมันยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้นของเขาอยู่เลย คิมนัมจุนได้แต่นั่งมองแก้วกาแฟที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเหม่อลอยวันนี้เขามีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกับคนตัวเล็กให้รู้เรื่องอะไรๆใจในของเขามันจะได้ชัดเจนเสียที แต่ยิ่งคิดไปถึงเรื่องที่จะคุยนัมจุนก็เริ่มรู้สึกมือเท้าเย็นเฉียบขึ้นมาทันที ไม่แน่ใจเลยว่าความรู้สึกของตัวเองตอนนี้มันคือตื่นเต้นหรือว่ากลัวกันแน่ เมื่อสมองคิดอะไรไม่ออกคนตัวสูงก็ฉวยเอาแก้วกาแฟตรงหน้าขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ไปอีกรอบนึง


อึกก!


อ่า ขมชะมัด


หลังจากนั่งคิดทบทวนอยู่ดีแล้ว เสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นยอดนิยมก็ดังขึ้นจากโทรศัพท์ของเขาหน้าจอปรากฏข้อความจากคนตัวเล็กที่เขากำลังนั่งรออย่างใจจดใจจ่ออยู่นานแสนนาน


ฮยองตัวน้อย : อีก 10 นาทีจะไปถึงนะ


ข้อความสั้นๆแต่ได้ใจความจากคนตัวเล็กที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมันทำให้คนตัวสูงยกยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ถึงข้อความมันจะดูสั้นๆห้วนๆตามสไตล์ของคนตัวเล็กแล้วแต่เขาก็สัมผัสมันได้ถึงความรีบของคนตัวเล็กเพราะวันนี้มันเป็นวันหยุดของเขาแต่ไม่ใช่ของ มินยุนกิ ยุนกิเข้าไปบริษัทไปเคลียงานตั้งแต่เช้าและโดยส่วนตัวแล้วนิสัยของคนตัวเล็กของเขาหน่ะมักจะชอบทำงานหามรุ่งหามค่ำงานไม่เสร็จไม่กลับห้องอยู่แล้ว ขนาดวันนี้ที่เขานัดให้ออกมาทานเข้าเที่ยงด้วยกันยังบังคับขู่เข็ญแทบตายกว่าคนตัวเล็กจะยอมลุกออกจากเก้าอี้ทำงานเพื่อออกมาทานข้าวกับเขา


รอนานไหม


เสียงทุ้มต่ำของคนตัวเล็กตรงหน้าทำให้นัมจุนหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง ผู้ชายตัวเล็กๆผิวขาวซีดที่ใส่เสื้อโค้ตตัวใหญ่กับผ้าพันคอที่พันเอาไว้ลวกๆจนดูเหมือนเป็นก้อนกลมๆอยู่ที่คอทำให้ร่างสูงหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วคลายปมผ้าพันคอออกให้


ไม่นานหรอก ว่าแต่รีบออกมาขนาดนั้นเลยหรอถึงได้พันผ้าพันคอแบบนี้
ใครรีบ ไม่ได้รีบซักหน่อย
ฮึ


คนตัวโตเอื้อมมือออกไปคลายปมผ้าพันคอแล้วถอดมันออกจากคอคนตัวเล็ก ส่วนคนตัวเล็กก็ได้แต่แกล้งเฉไฉด้วยการมองออกไปทางด้านนอกหน้าต่างก่อนจะถือวิสาสะคว้าแก้วกาแฟตรงหน้าขึ้นมาดื่มซะอย่างนั้นพอกาแฟแก้วนั้นถูกกลืนลงคอไปคนตัวเล็กก็ถึงกับหยุดชะงักไปทันทีก่อนจะหันกลับมามองหน้าร่างสูงตรงหน้าเขาที่บัดนี้ได้แกล้งทำเนียนมองต้นไม้ต้นเล็กๆที่โต๊ะไปแล้ว


นี่มันอเมริกาโน่ นาย...ไม่ดื่มไม่ใช่รึไง
สะ...สั่งผิดหน่ะ
อ๋อหรอออ งั้นแก้วนี้ฉันขอแล้วกัน


คนตัวเล็กยกยิ้มมุมปากให้กับอาการของคนตรงหน้านอกจากคิดนัมจุนคนนี้จะโกหกไม่เนียนแล้วเขาก็ยังชอบแสดงพิรุธออกมาอีกตังหากผู้ชายคนนี้ชอบของหวานเอามากๆขนาดกาแฟของโปรดของเขาก็ยังต้องเป็นคาราเมลมัคคิอาโต้ ที่มันหวานมากซึ่งต่างกับอเมริกาโน่ที่เขามักจะดื่มมันประจำอย่างสิ้นเชิง ถึงจะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคิดอะไรอยู่แต่ชัวร์ว่าเขาไม่ได้สั่งผิดแน่ๆ มินยุนกิเหล่มองคนตรงหน้าเล็กน้อยในขณะที่ยกกาแฟดื่มไปด้วยคิมนัมจุนยังคงไม่เงยหน้าขึ้นมาจากต้นไม้ต้นเล็กนั่นซักทีทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขาแท้ๆ


นัมจุน
หะ...ห๊ะ ว่าไง
ตกลงนายเรียกให้ฉันออกมาทำไมเนี่ยรู้ไหมว่างานฉันกองเต็มโต๊ะขนาดไหน


คนตัวเล็กเริ่มบ่นขึ้นมาอย่างหัวเสียเมื่อถูกร่างสูงเรียกออกมาแต่ไม่เห็นจะคุยเรื่องสำคัญที่ย้ำนักย้ำหนานั่นซักที งานเขามันเยอะนะเว้ยถ้าแค่จะเรียกออกมานั่งมองหน้ากันเนี่ยไปมองกันที่บ้านก็ได้ไอบ้านัมจุน นัมจุนเงยหน้าขึ้นมาจากต้นไม้ก่อนจะสะบัดหัวเรียกสติตัวเองให้กลับมาอยู่เข้าที่เข้าทางเพราะไอกาแฟแก้วนั้นแท้ๆที่ทำให้สติสตังที่เขาอุตสาห์รวบรวมมาตั้งนานตะเลิดหายไปในพริบตา ก็ใครมันจะไปคิดกันหล่ะว่าคนตัวเล็กจะเขินจนยกแก้วกาแฟของเขาขึ้นมาดื่ม


ฮยอง!”
หืม?”
เราก็อยู่ด้วยกันมานานแล้วนะครับ 8 ปีแล้วนะฮยอง


ยุนกิเริ่มเงียบแล้ววางแก้วกาแฟลงก่อนจะตั้งใจฟังสิ่งที่นัมจุนจะบอก ผู้ชายคนนี้ถึงจะดูแข็งกระด้างแต่จริงๆแล้วเขาหน่ะทั้งอ่อนโยนทั้งโรแมนติกแต่การที่อยู่ดีๆก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมานี่มันอะไรกันละเนี่ย ร่างสูงเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กตรงหน้าตั้งใจฟังในสิ่งที่เข้าจะพูดเขาก็เริ่มสูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกความมั่นใจขึ้นมาอีกครั้งนึงเพราะเรื่องที่เขาจะพูดออกไปนี้มันต้องใช้ความกล้าและความมันใจมหาสารเขาไม่อยากจะค้างคาอยู่แบบนี้อีกแล้ว


ฮยองมาอยู่กับผมไหม...อยู่ด้วยกันกับผม
ห๊ะ
ผมอยากเห็นฮยองอยู่ข้างๆในทุกๆวัน อยากเห็นหน้าฮยองตอนตื่น อยากนั่งมองหน้าเวลาฮยองหลับ อยากจะใช้ชีวิตในทุกๆวันต่อจากนี้ไปโดยมียุนกิฮยองอยู่เคียงข้าง
นายหมายความว่าไงคิมนัมจุน


คนตัวเล็กที่กำลังจะยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มถึงกับมือไม้อ่อนจนแก้วกาแฟในมือเล็กๆแทบจะร่วงหล่นลงสู่พื้นกระเบื้องแต่ดีที่ว่าดึงสติกลับมาทันไม่งั้นเขาคงได้จ่ายค่าเสียหายเรื่องแก้วกาแฟแตกแน่ๆ ไอบ้าคิมนัมจุนมาพูดเรื่องบ้าอะไรเนี่ย


มาอยู่เป็น Soulmate ของผมนะยุนกิ
นัมจุน นายยย
ถึงผมจะไม่มีแหวนสวยๆให้ใส่ ไม่มีงานแต่งเหมือนคนอื่น ไม่มีการ์ดอวยพรอะไรจากใคร แต่ผมมีใจ ใจที่รักมันคงแต่ยุนกิแค่คนเดียว ผมมีให้แค่นี้ยุนกิจะมาอยู่กับผมไหม


คำพูดไม่หวานแต่ถูกกลั่นออกมาจากใจของคิมนัมจุนทำเอาคนตัวเล็กตรงหน้าถึงกับอึ้งจนไปไม่เป็นไม่ชั่วขณะแต่ก็ยังไม่สติกลับมาเมื่อร่างสูงถามคำถามเดิมย้ำแล้วย้ำอีกให้เขาฟังมันอีกครั้ง มาอยู่เป็น Soulmate ของผมนะยุนกิ ไอบ้าเอ้ยจะเอาให้จำคำนี้จนขึ้นสมองเลยรึไง


ฮยองงงงง


เสียงคนตัวโตเริ่มแผ่วลงจนคล้ายๆกับจะติดอ้อนนิดๆเมื่อไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบจากคนตัวเล็กตรงหน้าร่างสูงก็เริ่มใจแป้วไปเล็กน้อยนี่อย่าบอกนะว่าคิมนัมจุนคนนี้จะต้องนกอะ ไม่เอานะเว้ยจะนกเรื่องไหนก็ได้แต่ไม่เอาเรื่องนี้


ก็อยู่กันมาตั้งขนาดนี้แล้วยังจะต้องมาขออะไรแบบนี้อีกรึไงไอบ้านัมจุน
ฮยอง งั้นก็แปลว่า
อืม

คนตัวเล็กครางตอบในลำคอก่อนจะก้มหน้าก้มตายกกาแฟแก้วโปรดขึ้นมาดื่มเพื่อกลบความเขินอายแต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่มิดเท่าไหร่เพราะว่าร่างสูงตรงหน้าหน่ะเอาแต่นั่งมองหน้าเขาแล้วก็ยิ้มเป็นคนบ้าอยู่ได้ รอยยิ้มที่เหมือนพระจันทร์เสี้ยวแบบนั้น อ่า รอยยิ้มที่เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว


อืมอะไรอ่ายุนกิ
อืมก็อืมไงไอบ้า
โหไม่เอาดิ พูดออกมาให้มันมั่นใจเหมือนตอนเถียงกันหน่อยดิ


ร่างสูงแกล้งยกยิ้มกวนๆส่งไปให้คนตรงหน้าพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆร่างเล็กที่กำลังปั่นหน้านิ่งตีหน้าตายที่แก้มทั้งสองข้างกลับแดงระเรื่อจนเขาอดใจไม่ไหวอยากจะจับมาฟัดเสียจริงๆแต่ยังก่อนอดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่าขอได้ยินคำที่อยากได้ยินก่อนแล้วเขาสัญญาเลยว่าจะจัดหนักแน่ๆ


ก็ตกลงไงไอบ้า เอาหน้าออกไปห่างๆเลยนะเว้ย
ฮึ เรื่องอะไร


ผ้าพันคอของคนตัวเล็กที่อยู่ในมือร่างสูงถูกหยิบขึ้นมาใช้เพื่อเป็นอาวุธในการรวบคนตัวเล็กให้เข้ามาอยู่ใกล้ๆ ผ้าพันคอสีเข้มถูกเหวี่ยงพาดคอของคนตัวเล็กอย่างพอดิบพอดีก่อนที่คนตัวโตจะออกแรงดึงปลายผ้าพันคอผืนนั้นเพื่อให้คนตรงหน้าขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ชิดกันก่อนจะบรรจงจูบเบาๆที่ริมฝีปากของคนตัวเล็กเพื่อเป็นการยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดนี่คือเรื่องจริงหรือจะให้พูดง่ายๆกว่านั้นก็คือ เขาหน่ะก็แค่อยากจะจูบคนตัวเล็กตรงหน้าก็เท่านั้นเอง....


ตั้งแต่วันนี้ไปยุนกิหน่ะเป็นของผมแล้วนะ



------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เขียนเองเขินเองจะผีบ้าไปไหนนนน โอ๊ยๆๆๆ  ในเมื่อเขาไม่บอกรักกันซักทีเราเลยมาเขียนเองแม่ม 555 คอมเม้นติชมกันได้ตามสะดวกนะภาษาอาจไม่สวยเท่าที่ควรแต่ก็เต็มที่แล้วนะ

Sf. Not Drunk SUGA X MONSTER









Sf. Not Drunk SUGA X MONSTER





หลังจากเรื่องคืนนั้นนี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้วที่คนตัวเล็กหมกตัวอยู่ในห้องสตูไม่ยอมออกไปไหนมาไหนแถมยังล็อคห้องไม่ให้ใครเข้าไปอีกตังหาก ที่เขาทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาตั้งใจจะหลบหน้านัมจุนหรอกนะ แต่มันจะมีคนบ้าซักกี่คนเชียวที่กล้าเดินไปไหนมาไหนทั้งๆทีมีรอยแดงเป็นจ้ำๆเต็มตัวไปหมด เขาแหละคนหนึ่งที่ไม่สู้ขอเก็บตัวอยู่แต่ในห้องสตูดีกว่า แล้วถ้าถามว่าเขาจะอยู่ไปถึงเมื่อไหร่อะหรอ ก็คงจนกว่ารอยบ้าๆพวกนี้มันจะหายไปนั่นแหละและก็จนกว่าเขาจะทำหน้าเป็นปกติกับ คิมนัมจุน ได้ละนะ


เฮ้อ แล้วเมื่อไหร่รอยบ้าๆพวกนี้จะหายไปละเนี่ย


ในขณะที่คนตัวเล็กเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องสตูร่างสูงก็เกิดอาการกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัดจนเพื่อนสนิทอย่างเจโฮปต้องเดินมาตบบ่าเบาๆพร้อมกับกดตัวเขาให้นั่งลงกับโซฟา


นั่งเฉยๆเลยนัมจุนแกเดินอ้อมสตูฉันจนฉันจะอ้วกแล้วเนี่ย
มันนั่งเฉยๆไม่ได้นิหว่าจะให้ทำยังไงเล่า
ไหนเล่ามา สรุปที่เป็นบ้าอยู่แบบนี้แกไปทำอะไรให้ยุนกิฮยองโกรธเอาอีก


เจโฮปถามเขาอย่างระอาเพราะเหตุการณ์แบบนี้ถือว่าเป็นปกติมากเพราะคนอย่างคิมนัมจุนไม่ว่าจะไปที่ไหนเมื่อไหร่ผู้ชายคนนี้ก็มักจะทำอะไรพังจนต้องโดนยุนกิฮยองโกรธเอาเสียทุกครั้งไปแต่คราวนี้ดูเหมือนว่าจะหนักกว่าทุกครั้งเพราะคนตัวเล็กนั้นถึงกับไม่ยอมออกมาจากสตูเลย อย่าว่าแต่ออกมาเลยขนาดไปเรียกถึงทีเสียงแหบต่ำของคนตัวเล็กก็ไม่มีใครได้ยิน มันก็เหมือนกับเราคุยกับห้องว่างๆนั่นแหละครับ


ไม่รู้
สาบานว่านายไม่รู้หน่ะนัมจุน
เออ รู้ก็ได้ แต่มันเล่าไม่ได้โว๊ะ หงุดหงิดนี่ฉันต้องทำยังไงวะเนี่ยยุนกิถึงจะยอมออกมาจากสตู
ผูกเองก็แก้เองเถอะโว้ย ไม่รู้ด้วยแล้ว


เจโฮปเดินออกไปแล้วเหลือเพียงแต่นัมจุนเท่านั้นที่ยังนั่งทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดไม่เลิก เขาก็รู้ว่าสิ่งที่เขาทำในคืนนั้นมันผิดแต่เขาก็ทำไปแล้วนิหน่ายุนกิจะไม่ฟังที่เขาอธิบายหน่อยหรือไงวะเนี่ย


แล้วจะทำยังไงดีวะเนี่ยคิมนัมจุน


เมื่อนั่งคิดนอนคิดจนจะตีลังกาคิดก็ยังคิดไม่ออกคนตัวสูงเลยเลิกคิดแล้วลุกขึ้นเดินไปหยุดที่หน้าสตูของคนตัวเล็กที่มีป้ายแปะไว้ว่า Genius Lab ชื่อของสตูมันก็ตรงตามตัวเจ้าของห้องแหละครับก็เพราะยุนกิหน่ะเขาอัจฉริยะนี่หน่า


ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!


ยุนกิ...เปิดประตูหน่อยซิ
“…”
นายเป็นอะไรของนายเนี่ยยุนกิ



เสียงของคนตัวสูงที่เคาะประตูหน้าห้องของเขาอยู่กำลังพูดคุยกับกำแพงด้วยเสียงตัดพ้อจนคนที่ฟังอยู่ข้างในเกือบจะใจอ่อนเดินไปเปิดประตูให้อยู่แล้วเชียวแต่ก็นึกขึ้นมาได้ทันว่ารอยแดงๆที่คอของเขามันยังไม่หายไปถ้าให้ออกไปเจอหน้านัมจุนตอนนี้หละก็หมอนั่นจะต้องถามแน่ๆแล้วจะให้เขาตอบว่าไงหล่ะ จะให้บอกว่ารอยนี้ก็มาจากนายงั้นหรอ ฮึ้ย! ไม่เอาหรอกก็คืนนั้นหมอนั่นคิดว่าเขาคือยุนจีนี่หน่า ปล่อยไปอย่างงี้แหละดีแล้วเดี๋ยวเหนื่อยก็คงเลิกตะโกนไปเอง


จะไม่พูดด้วยจริงๆหรอมินยุกิ
“…”
เฮ้ออออ


และแล้วความพยายามของร่างสูงก็ศูนย์เปล่าเพราะไม่มีแม้เพียงเสียงของคนตัวเล็กตอบกลับมาแม้แต่เสียงใดๆที่จะยืนยันว่ามีคนอยู่ในห้องนั่นมันก็ใม่มี นัมจุนเดินคอตกกลับห้องตัวเองไปหงอยๆก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้แล้วหยิบรูปถ่ายใบเล็กๆที่เขามักจะซ่อนมันไว้ข้างลำโพงออกมาดู มันคือรูปถ่ายของเขากับมินยุกิเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว เพราะอะไรกันนะที่ทำให้เขาเลือกที่จะทำแบบนี้ เขาผิดหรือไงที่อยากเป็นเจ้าของคนตัวเล็ก เขาผิดหรือไงที่อยากจะรู้ใจของมินยุกิ


เพราะยัยยุนจีคนเดียวแท้ๆ ยัยเด็กบ้า


เมื่อนึกถึงตัวการของแผนทั้งหมดได้เขาก็ตัดสินใจโทรเรียกให้ยุนจีมาหาที่บริษัททันทีเพราะถ้าจะให้เขาออกไปข้างนอกตอนนี้ก็คงจะไม่ได้หรอกเพราะกลัวว่าถ้าเกิดเขาออกไปแล้วกลับเข้ามาคนตัวเล็กนั่นจะหนีเขาไปหน่ะซิ ถ้าเขาเดินไปบอกคนตัวเล็กตรงๆจะยอมฟังเรื่องแผนบ้าๆทั้งหมดนี่ไหมละเนี้ย โอ้ยยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ร่างสูงเอนตัวลงนอนไปกับพนักพิงของเก้าอี้ก่อนจะยกรูปถ่ายของเขาและคนตัวเล็กขึ้นมาดู


นี่ผมตกหลุมรักคุณจริงหรอ
สายตาของผมมันบ่งบอก
สายตาของผมที่มองไปยังคุณ
ผมไม่สามารถซ่อนมันไว้ได้เลย


ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ที่เขาตกหลุมรักคนตัวเล็กนั่นมันอาจจะพึ่งแค่ไม่กี่เดือนหรือไม่ก็อาจจะตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเจอคนตัวเล็กเลยก็ได้ แต่เพราะคำว่าเพื่อนมันค้ำคออยู่เลยทำให้เขาไม่กล้าจะก้าวผ่านเส้นบางๆนั่นไปจนมินยุจี น้องสาวตัวแสบของยุนกินั่นแหละที่เป็นคนช่วยเขาคิดแผนบ้าๆพวกนี้ขึ้นมา ใช่ทั้งหมดมันคือแผน เขากับยุนจีไม่ได้คบกัน เพียงแค่หลอกยุนกิเพื่อจะดูปฏิกิริยาของคนตัวเล็กเท่านั้นแต่ก็ดูจะไม่รุ่งเท่าไหร่เพราะคนตัวเล็กไม่เคยแสดงออกอะไรออกมาเลย


ว่าไงค่ะพี่เขย
ยัยตัวแสบ ไม่ต้องมาทำหน้าระรื่นเลยนะเรา
อะ...อ่าว ไหงทำหน้าแบบนั้นอะ
ก็เพราะแผนใครละ ยุนกิขังตัวเองอยู่ในห้องสตูมา3วันแล้วยังไม่ยอมออกมาเลยแถมล็อคห้องไม่ให้เข้าไปอีกนี่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแล้วเนี่ย


เด็กผู้หญิงร่างเล็กที่มีใบหน้าหวานเหมือนกับพี่ชายของเธอไม่มีผิดเพี้ยนกำลังนั่งทำหน้าคิดหนักอยู่เพราะว่าแผนที่เธออุตส่าห์คิดมันน่าจะได้ผลแล้วนิหน่าแต่ทำไมมันถึงกลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้กันหล่ะเนี่ย จริงๆแล้วเธอรู้ว่าพี่ชายของเธอแอบชอบเพื่อนสนิทตัวเองมาโดยตลอดแล้วก็ดันมาได้ยินเรื่องที่โอป้านัมจุนคุยกับใครซักคนเรื่องของพี่ชายเธอพอดีเลยที่ยัยเด็กตัวเล็กไซต์มินิเลยเสนอตัวเข้ามาช่วยอย่างไม่ลังเลและเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่ทำกันมานี่ก็เพียงเพื่อที่จะให้พี่ชายจอมนิ่งของเธอพูดคำว่ารักออกมาก็เท่านั้นเอง


ไหนๆก็ไหนๆแล้วอะนี่


เสียงกระทบกันของโลหะดังขึ้นอยู่ตรงหน้าของร่างสูงเขาเงยหน้าขึ้นมามองยัยเด็กแสบตรงหน้าก็เห็นว่ายัยเด็กนั่นยื่นกุญแจดอกสีเงินวาววับมาจออยู่ตรงหน้าเขา กุญแจอะไร แล้วเอามาให้เขาทำไม คำถามมากมายที่ตีกันอยู่ในหัวของเขามันทำให้เจ้าของความคิดคิ้วขมวดผูกโบว์ไปด้วยความสงสัยจนสาวน้อยตัวเล็กถึงกับลอบถอนหายใจก่อนจะจับเจ้ากุญแจนั่นยัดใส่มือของคนตรงหน้าซะ


กุญแจห้องสตูของโอป้ายุนกิ โอป้าเคยให้ยุนจีไว้นานแล้วถ้ายังไม่ได้เปลี่ยนลูกบิดก็น่าจะไขได้
เห้ย จริงดิ
อื้อ แล้วก็คุยๆกันให้มันรู้เรื่องซะที่นะคะน้องคนนี้เบื่อจะลุ้นแล้ว งั้นยุนจีกลับบ้านก่อนนะ


แล้วยัยเด็กตัวแสบก็เดินยิ้มหน้าระรื่นออกไปจากห้องสตูของเขาเหลือทิ้งไว้เพียงกุญแจสีเงินที่อยู่ในมือเขา มันคือความหวังเดียวของเขาซินะ พึ่งจะรู้นะเนี่ยว่ายัยเด็กแสบนั่นมีกุญแจห้องสตูของยุนกิด้วยขนาดเขาเองยังไม่มีเลย เมื่อใจกลับมาฮึดสู้อีกครั้งร่างสูงก็กำกุญแจในเมือเอาไว้แน่นก่อนจะเดินไปยังห้องที่เป็นจุดหมายของเขา


แกร๊ก!


ไขได้จริงดิ


ร่างสูงแปลกใจนิดหน่อยที่กุญแจดอกนี้ไขได้จริงๆ แต่ถ้ามันเป็นกุญแจห้องนี้จริงๆมันจะไขได้ก็ไม่แปลกเท่าไหร่เพราะปกติห้องนี้ไม่เคยล็อคอยู่แล้วมันจึงไม่เคยเปลี่ยนลูกบิดและคนเข้าๆออกๆเป็นว่าเล่นก็จะมีแต่เขากับเจ้าของห้องเท่านั้นแหละส่วนคนอื่นๆหน่ะหรอไม่กล้าเข้ามาหรอก พอก้าวขาเข้ามาภายในห้องก็เห็นว่าร่างเล็กที่คุ้นตากำลังนอนหลับขดตัวอยู่บนโซฟาหนังสีดำอย่างน่ารักน่าทะนุทะหนอมท่านอนขดตัวที่เอาสองมือไปสอดเอาไว้ใต้เข่าแบบนั้นแหละคือมินยุนกิตัวจริงเสียงจริง แต่เมื่อเห็นร่างเล็กหลับสบายขนาดนั้นเขาก็ไม่อยากจะกวนให้ตื่นมาเคลียกันตอนนี้หรอกนะ เพราะเขารู้ดีเลยว่าการนอนของคนตัวเล็กสำคัญขนาดไหน งั้นเขาก็จะนั่งมองหน้ายุนกิตอนหลับอยู่แบบนี้แหละ



รู้ไหมว่าคิดถึงมากนะ มินยุกิ


ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ที่คนตัวสูงยังคงนั่งเฝ้ามองใบหน้าขาวซีดนั่นอยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหนเหมือนกับกลัวว่าถ้าเขาขยับแม้เพียงนิดเดียวคนตัวเล็กตรงหน้าของเขาก็จะหายไปในพริบตา ส่วนคนตัวเล็กที่หลับๆอยู่ก็เหมือนจะรู้สึกแปลกๆเหมือนมีใครมาจ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้นแหละทั้งๆที่จริงๆแล้วเขาอยู่ในห้องนี้คนเดียวไม่น่าจะมีใครเข้ามาได้ด้วยซ้ำเพราะเขาล็อคห้องไว้แต่เขาก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆนิหน่า จนในที่สุดคนตัวเล็กก็ลืมตามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุยทำเอาคนตัวสูงที่นั่งมองหน้าเพลินๆถึงกับตกใจ


นัมจุน นายเข้ามาได้ไง
เออ...คือ...แบบว่า คือ
จะคืออีกนานไหม คิมนัมจุน


คนตัวเล็กที่ตกใจไม่ต่างกับคนตัวสูงเท่าไหร่ที่อยู่ดีๆลืมตาขึ้นมาแล้วเจอหน้านัมจุนอยู่ตรงหน้าแถมระยะมันก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่เลยแต่ในความตกใจมันมีความสงสัยมากกกว่าว่าไอ้ผู้ชายตรงหน้าของเขาเนี่ยเข้ามาในห้องเขาได้ยังไงเพราะเขามั่นใจว่าไม่มีใครในวงมีกุญแจห้องสตูของเขาแน่นอนรวมทั้งคนตรงหน้าของเขาด้วย


เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอกน่า ฉันอยากรู้ว่านายหลบหน้าฉันทำไม
อะไร ใครหลบหน้านาย
ก็นายไงมินยุนกิ นายหลบหน้าฉันแล้วขังตัวเองอยู่ในห้องนี้มา 3 วันแล้วนะ


คนตัวเล็กได้แต่มองร่างสูงตรงหน้าอย่างงงๆเพราะนอกจากเขาจะไม่ตอบคำถามเรื่องที่เขาเข้ามาในนี้ได้ยังไงแล้วก็ยังหาเรื่องมาโมโหใส่เขาได้อีก นี่สรุปเขาผิดหรอ ผิดใช่ไหมเนี่ย


ฉันไม่ได้หลบ
จะไม่ได้หลบได้ยังไง เรื่องคืนนั้นมันทำให้นายไม่อยากมองหน้าฉันขนาดนั้นเลยหรือไงยุนกิ
เรื่องคืนนั้น? …นี่นาย...รู้งั้นหรอ


คนตัวเล็กมีท่าทีตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆคนตัวสูงก็พูดถึงเรื่องคืนนั้นออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำ เขาจำได้งั้นหรอ คิมนัมจุนรู้งั้นหรอว่าคืนนั้นเป็นเขาไม่ใช่ยุนจี แล้วทำไมเขาถึงทำ...ถึงทำแบบนั้นเล่า บ้าเอ้ย



ใช่ ฉันรู้ว่าเป็นนายเพราะทั้งหมดมันคือแผน
แผน? แผนอะไร
แผนของฉันกับยุนจี ฉันแค่อยากรู้ใจนายว่านายคิดอะไรกันแน่ บางทีนายก็ทำเหมือนหวงฉัน บางทีนายก็ไม่สนใจฉัน พูดมาเลยดีกว่าว่าจะเอายังไงกันแน่
“…”
อย่าปล่อยให้ฉันต้องเดาว่านายรักฉันเหมือนกันได้ไหม


ห๊ะ! นี่มันอะไรกันล่ะเนี่ย เขางงไปหมดแล้วนะ นี่นัมจุนรักเขางั้นหรอ แล้วที่คบกับยุนจีล่ะคืออะไร สมองของคนตัวเล็กกำลังทำงานอย่างหนักเมื่อได้รับรู้ถึงเรื่องราวที่ช็อคโลกแบบนั้นจากคนตรงหน้า เขาไม่ปฏิเสธเลยว่าตัวเขาเองนั่นก็รักนัมจุนเหมือนกันแต่เขาคิดว่าผู้ชายคนนี้มองเขาเป็นเพียงแค่เพื่อนสนิทคนนึงเท่านั้นเขาเลยพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้ในใจตลอดมา


มะ...หมายความว่าไง ฉันงงไปหมดแล้ว
จะงงอะไรอีกเล่าไอ้คนซึน นี่คนเขามาบอกรักอยู่นะเว้ย


ห๊ะ เอาจริงดิ นี่เขาโดนคนที่ตัวเองแอบชอบบอกรักอยู่จริงดิ คนตัวเล็กทำหน้าเหวอออกมาอย่างเห็นได้ชัดปากเล็กๆนั่นกำลังอ้ากว้างขึ้นอย่างตกใจจนคนตัวสูงที่นั่งอยู่ตรงหน้าอดหมั่นเขี้ยวกับอาการที่โคตรจะน่ารักของคนตัวเล็กไม่ได้เลยเอาหน้าเข้าไปจุ๊บปากเบาๆทีนึงแล้วก็ผละออกมา



จุ๊บ!


ยะ...อย่า คิมนัมจุน
รักนะ รักนายนะมินยุกิ
อะ...ไอ้บ้า เอาหน้าออกไปห่างๆเลยนะเว้ย


คนตัวโตที่แอบเนียนเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้คนตัวเล็กเข้าไปทุกทีก็โดนมือเล็กๆดันออกอย่างไม่ปราณี แต่ก็อย่างว่าแหละแรงของคนตัวเล็กหน่ะมันทำอะไรเขาไม่ได้เลยซักนิดเดียว ร่างสูงจับมือของคนตัวเล็กออกจากใบหน้าตัวเองก่อนจะบังคับให้คนตัวเล็กกลับลงไปนอนบนโซฟาตามเดิมแต่ที่เพิ่มเติมคือเขาขึ้นมาคล่อมทับร่างเล็กนั่นไว้พร้อมกับกดข้อมือเล็กให้จมหายลงไปกับเบาะหนังสีดำนั่น


Babe I’m falling in love
ความปรารถนาของผมมีเพียงหนึ่งเดียว
สำคัญกว่าการรวมกันของเกาหลีอีกล่ะ
นั่นคือผมรักคุณ


นัมจุนรักยุนกินะ แล้วยุนกิหล่ะ
ฉันทะ...ทำไม
รักนัมจุนรึป่าว

คำถามของคนตัวสูงที่อยู่บนร่างทำเอาคนตัวเล็กถึงกับไปไม่เป็นจนหน้าเห่อแดงขึ้นมาอย่างกระทันหันแต่ก็กลั้นใจพยักหน้าตอบคำถามนั้นไปเพราะถ้าจะให้คนอย่างเขาพูดคำว่ารักออกมาคงต้องรอให้ปลาวาฬพูดภาษาเกาหลีได้ก่อนละมั้ง ถึงจะเป็นเพียงการพยักหน้าให้เบาๆแต่ร่างสูงกลับดีใจมากจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ก้มลงหอมแก้มแดงๆซ้ายขวาของคนตัวเล็กอย่างไม่ทันตั้งตัว ในที่สุด  เขากับมินยุนกิก็ใจตรงกันซักที รักที่เขาแอบปลูกมันไว้วันละเล็กละน้อยโดยที่ไม่รู้ตัวใส่ปุ๋ยพรวนดินรดน้ำจนในที่สุดมันก็ผลิบาน ดอกรักของคิมนัมจุนกับมินยุกิ



ไหนๆก็ใจตรงกันแล้วงั้นขอทำแบบคืนนั้นอีกซักรอบแล้วกันนะ ยุนกิ

#นัมกินกิ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พาสสั้นๆเป็นบทสรุปของ "เรื่องคืนนั้น" มาต่อกันให้จนจบแล้วนะคะ แรงบรรดาลใจส่วนมากของ Sf.สั้นๆจะมาจากเพลงซะส่วนใหญ่นะคะ เรื่องนี้ก็เหมือนกัน เพลงที่เราเอามาใช้คือ VROMANCE - Am I in love (사랑에 빠진 걸까요) (Feat. O Broject) อ่านจบแล้วติดแทคมาเม้าท์กันในทวิตได้นะคะ ^^
คำแปลเนื้อเพลง : https://www.youtube.com/watch?v=06cUCF5NbAs